วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ยอดดอยภูแว

ยอดดอยภูแว

      ยอดดอยภูแว เป็นยอดดอยที่มีความสูงชัน สูงจากระดับน้ำทะเล 1,837 เมตร เป็นเทือกเขาเดียวกับ
ภูเขาอัลไต มีลักษณะโดดเด่น คือปราศจากต้นไม้ใหญ่ เป็นทุ่งหญ้าบนดอย อีกทั้งยังมีลานหิน
และหน้าผาสูงชัน เช่น ผาแอ่น ผาผึ้ง ดอยภูแว ค้นพบสุสานหอยซึ่งเป็นหอยทะเลอายุประมาณ 218 ล้านปี ที่บริเวณบ้านค้างฮ่อ อำเภอทุ่งช้าง การเดินทางโดยรถยนต์จากที่ทำการอุทยานฯ ไปถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยภูคาที่ 9 (บ้านด่าน) ระยะทางประมาณ 63 กิโลเมตร และเดินทางเท้าขึ้นยอดดอยภูแวประมาณ 8 กิโลเมตร และมีลูกหาบไว้บริการ บนยอดดอยภูแวไม่มีอาหารและแหล่งน้ำนักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง
 ยอดดอยภูแว ลักษณะเป็นเขาหินปูนตามที่บอกไว้ มีลมพัดแรงตลอด เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองได้รอบตัว 360 องศาเลย เหมือนกับว่าไปอยู่บนทะเลภูเขา มีแต่เขาล้อมรอบ จุดที่ยืนอยู่เนี่ย เค้าเรียกว่าภูแวใหญ่ จะมีแนวสันดอย ทอดตัว คดเคี้ยว ไปยังยอด ดอยภูแว น้อยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แสงยามเย็นส่องเฉียงเข้ามา ทำให้หญ้าเป็นสีเหลืองอร่าม เพิ่มบรรยากาศ แห่งความสวยงามขึ้นไปอีก แต่ว่า เมฆกลุ่มใหญ่เริ่มมาปกคลุมดวงอาทิตย์ สงสัยวันนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกก็เป็นได้ (คราวนี้ ไม่ได้เห็นทั้งตก และ ทั้งขึ้นเลย) แสงสุดท้ายผ่านพ้นไปแล้ว ความมืดมิดเริ่มโรยตัวเข้ามา สายลมที่พัดพาความหนาวเย็น มากระทบร่างกาย เอาล่ะสิ ตอนนี้เรื่องใหญ่แล้ว เรามัวแต่ถ่ายภาพกันจนแสงหมดไป คราวนี้ต้องเสี่ยงชีวิต เดินกลับลงไปยัง ที่พัก มันคล้าย ๆ กับเดินลงบันได ที่ชันๆ ประมาณตึก 6 ชั้นแหละ จากนั้น ค่อย ๆ คลำกันไป (คลำทางนะอ่ะ อย่าคิดลึกล่ะ) และ แล้วในที่สุด ก็ลงมาถึงที่พักได้แล้ว พอลงไปก็ได้ยินพวกเราบางคนที่ลงมาก่อนพูดว่า "เนี่ยมีวัวมาล้มเตนท์ด้วยล่ะ" เอาล่ะสิ ศัตรูตัวใหม่ ก็ปรากฎโฉมขึ้น ก็วัวที่ชาวบ้านเอามาเลี้ยงบนดอยไง มันมาหาของกิน แต่ว่าไม่มาตัวเดียว มากันเป็นฝูงค่ะ แปลกใจเหมือนกันว่ามันชอบกินปลากระป๋องด้วยซิ เห็นเคี้ยวทั้งกระป๋องตุ้ยๆเลย ก็จะพยายามไล่มันไปบ่อยๆ ที่มันมาใกล้เต้นท์ กลุ่มอื่นก็ไล่มันกลับมา เห็นท่าคืนนี้จะไม่ได้นอนแน่ ๆ แต่ว่า พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าจะให้ลูกหาบ จัดเวรยามมาเฝ้า ก็อุ่นใจมากขึ้นที่เดียว เห็น kq รู้สึกไม่ค่อยสบาย เห็นหลบไปพักในเต้นท์ก่อนใครๆ ซักพักใหญ่ๆ ก็มีเสียงเรียกว่าให้แม่ครัว kq ออกมาทำกับข้าวได้ แล้ว สักพักก็โผล่หัวออกมาดูเห็นนั่งรอกันน่าสลอนคงสงสาร ก็เลยต้องออกไปทำกับข้าวให้กินครับ หลังอาหารเย็น เห็นป้าแก้วแกหยิบยาอะไรมาให้ kq กินก็ไม่รู้เห็นบอกว่า ไม่ง่วงนอนเลยค่ะ ออกจะคึกคักซะด้วยซ้ำ อิอิ ก็เล่นยาม้า ไปนะซิหนู แล้วหนู kq ก็มานั่งเล่นกีต้าร์ ร่วมกับนักดนตรีประจำทริป ร่วมกับสาวน้อยสาวใหญ่ และหนุ่มหล่ออย่างกระผมอีกด้วย ฮ่าๆๆ ท่ามกลางแสงดาวที่เต็มท้องฟ้า อ้ออ มีของว่างเป็นเผือกเผาด้วยจิ นั่งล้อมกองไฟกันอบอุ่นดีใกล้ชิดสาวๆก็ยังงี้แหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น